วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

{` How to || โมเดลมีเงาสีๆรอง






1.ตกแต่งภาพ+ตัดภาพให้เหลือแต่โมเดลเรียบร้อย  



2.กดปุ่ม Ctrl + J เพื่อคัดลอกเลเยอร์เพิ่มอีกอันและัเลือกที่เลเยอร์อันแรก



3.ไปตามภาพ 



4.เลือกสีให้เรียบร้อยและกด ok




5.ขยับมาทางขวาหรือซ้ายเล็กน้อย



CR.http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2328365

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิธีบริหารสมอง พัฒนาความจำ


แนะจดบันทึก-ออกกำลังกายช่วยได้

 
          หลายคนคงเคยมีอาการหลงๆ ลืมๆ แบบนี้ไหมคะ.....ลืมว่าเอากุญแจบ้านกับมือถือไปวางไว้ตรงไหน หรือออกจากบ้านแล้วแต่ต้องกลับเข้าไปใหม่เพราะลืมว่าปิดไฟแล้วหรือยัง หรือเห็นเงินในกระเป๋าแล้วงงว่าทำไมเหลือแค่นี้ ซื้ออะไรไปเนี่ย???

          วันนี้มีเคล็ดลับช่วยจำและวิธีบริหารสมองมาฝาก

          1. จดบันทึก

          การจดบันทึกจะช่วยให้คุณวางแผนเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน นัดหมายต่างๆ รวมไปถึงการจดเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล์แอดเดรส วันเกิดเพื่อน หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณเอง เช่น ยาประจำตัว จะให้ดีควรเป็นสมุดเล่มเล็กๆ ที่พกพาติดตัวไปด้วยได้

          การลงมือเขียนด้วยตัวเองจะช่วยย้ำให้สมองจดจำได้ดีขึ้น และดีกว่าการใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย เช่น การบันทึกไว้ในมือถือ

          2. พูดกับตัวเอง

          การพูดออกมาดังๆ ก็คล้ายกับการจดบันทึก เพียงแต่ออกมาในรูปของเสียง ควรเริ่มต้นตั้งแต่เช้า นึกถึงสิ่งที่คุณต้องทำในวันนั้น แล้วพูดออกมาดังๆ เช่น วันนี้ต้องซื้อบัตรเติมเงิน ตอนเที่ยงมีนัดกับลูกค้า ตอนเย็นต้องแวะซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ย้ำกับตัวเองซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง

          3. ติดโน้ตในที่ที่มองเห็นได้ง่าย

          เขียนสิ่งที่ต้องทำลงบนกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แปะไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ประตูตู้เย็น ประตูบ้าน ในรถ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทุกครั้งที่เห็นโน้ตที่ติดไว้ ก็เท่ากับเตือนสมองให้จดจำเรื่องเหล่านั้น

          4. เก็บของให้เป็นที่

          ฝึกนิสัยเก็บของให้เป็นที่ เช่น แขวนกุญแจไว้ข้างประตูทางออก วางมือถือไว้บนโต๊ะทำงาน เก็บยาก่อนนอนไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ชีวิตที่เป็นระเบียบจะช่วยให้สมองเป็นระเบียบเช่นกัน

          5. ทำชีวิตให้ช้าลง

          สมองจะจดจำอะไรได้ช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น การพูดเร็ว - ทำเร็วจนเกินไป ทำให้สมองเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ไม่ทันและหลงลืมไปในที่สุด

          6. อย่าทำหลายอย่างพร้อมกัน

          การทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น คุยโทรศัพท์ไปด้วย ดูโทรทัศน์ไปด้วย หรือทำงานไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย จะทำให้ไม่มีสมาธิในการจำ ควรเลือกทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่า

          7. มีสติ

          การมีสติขณะทำสิ่งต่างๆ จะช่วยให้เราไม่หลงลืมได้ง่าย สมองจะจดจำได้โดยอัตโนมัติว่า ขณะนั้นเราปิดไฟแล้ว ปิดน้ำแล้ว ปิดแก๊สแล้ว ไม่ต้องมานั่งลังเลสงสัยทีหลังว่า เอ๊ะ ฉันทำไปแล้วหรือยัง

          8. ร่างกายแข็งแรง

          สมองที่แจ่มใส มาจากร่างกายที่แข็งแรง ดูแลตัวเองให้ดี รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้ครบหมู่ เน้นปลา ผักผลไม้สด ข้าวกล้อง และน้ำ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรง ความจำก็จะดีตามไปด้วย

          9. ทำสิ่งที่ตัวเองถนัด

          ความถนัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนจำได้ดีเมื่อได้มองเห็นหรือจดบันทึก บางคนจำได้ดีเมื่อได้ยินเสียงหรือพูดดังๆ บางคนจะจำได้ก็ต่อเมื่อได้ลงมือปฏิบัติ สังเกตตัวเองว่าคุณจำได้ดีกับวิธีการไหน แล้วเลือกวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง แต่ถ้าจะให้ดี ใช้ทั้ง 3 วิธีสลับกันก็จะช่วยให้สมองได้ฝึกทักษะมากขึ้น

          วิธีบริหารสมอง ที่ช่วยในการพัฒนาความจำอย่างง่ายๆ สามารถทำได้ ดังนี้

          1. หยิบสิ่งของในที่มืด หลับตาอาบน้ำ หรือหลับตาแต่งตัว

          2. รับประทานอาหารหรือหยิบจับสิ่งต่างๆ โดยใช้มือข้างที่ไม่ถนัด

          3. ฟังเพลงที่ไม่เคยได้ยินเนื้อร้องมาก่อน แล้วหัดร้องตามไปจนร้องได้

          4. อ่านหนังสือหลายๆ ประเภท หรือเปลี่ยนจากคอลัมน์ที่เคยอ่านประจำไปอ่านคอลัมน์อื่นบ้าง

          5. อ่านป้ายโฆษณาตามข้างทาง ท้ายรถตุ๊กตุ๊ก ข้างรถเมล์ หรือถุงกล้วยแขก

          6. ดูโทรทัศน์ที่มีสองภาษา หรือดูภาพยนตร์ที่มีซับไตเติล

          7. บวกลบเลขทะเบียนของรถคันหน้า หรือเลขบนตั๋วรถเมล์

          8. เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน เช่น จัดห้องใหม่ เปลี่ยนที่วางของ เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง หรือจากที่เคยขับรถก็เปลี่ยนไปนั่งรถเมล์หรือรถไฟฟ้าแทนบ้าง

          9. เล่นเกมฝึกสมอง เช่น หมากรุก หมากฮอส ปริศนาอักษรไขว้ จับผิดภาพ ฯลฯ

          10. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น หัดเล่นดนตรี เรียนภาษา เรียนทำอาหาร ฝึกศิลปะป้องกันตัว ฯลฯ

          11. หมั่นออกสังคม พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกับเพื่อนฝูง อย่าแยกตัวออกจากสังคม เพราะจะทำให้สมองไม่เกิดการพัฒนาและเสื่อมไปในที่สุด

          ฝึกสมองบ่อยๆ เพื่อความจำที่ดีและสมองอันชาญฉลาดจะได้อยู่คู่กับคุณไปนานๆ


CR. หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

D.I.Yที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้

เพื่อนๆที่ยังมีเทปคาสเซ็ตหลงเหลือแยู่ เราเคยนำเสนอไอเดีย upcycle เทปคาสเซ็ตเป็นของใช้อย่างตู้และโคมไฟเปลี่ยน Cassette tapes มห้กลายเป็นของใช้ใหม่,ของใช้สุดแนว..จากเทปคาสเซ็ทที่กำลังถูกโลกลืม คราวนี้ จะพาเพื่อนๆมาลองทำ ที่ใส่ดินสอง่ายๆจากเทปคาสเซ็ท ของฮิตติดตัวในยุค70-80 แต่วันนี้กลับกลายเป็นของสะสมหายากไปซะแล้ว และดีไซน์ของเทปคาสเซ็ตก็กำลังเป็นที่นิยม มีการนำมาทำเป็นของใช้แบบต่างๆมากมาย รูปทรงคาสเซ็ตเทป อย่างโต็ะรูปทรงคาสเซ็ตเทป หรือกระเป๋าซิลิโคนรูปทรงคาสเซ็ต

ใครมีอยู่หยิบออกมาเลยค่ะ แล้วก็หาปืนกาว มีด กระดาษแข็ง (cardboard) กรรไกร แค่ติดกาว และติดกับกระดาษแข็งตามภาพ ก็เสร็จเรียบร้อย รอให้กาวแห้งก็เอาใส่ดินสอ ปากกา วางไว้บนโต๊ะทำงานได้เลยค่ะ

DIYที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้ 25551013 191434

DIYที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้ 25551013 191446

DIYที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้ 25551013 191456

DIYที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้ 25551013 191502

DIYที่ใส่ดินสอจากเทปคาสเซ็ตเก่า..แนว Retro ที่กำลังเทรนในยุคนี้ 25551013 191508

CR.http://www.iurban.in.th/diy/upcycled-cassettes-to-pencil-holder/

D.I.Y. iPhone case วินเทจ ง่ายๆสบายกระเป๋า


วันนี้มีงาน DIY.แบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่มาก กับการนำเคสเก่าๆของโทรศัพท์ iPhone มาแปลงร่างให้เป็นเคสใหม่
ดยไม่ต้องซื้อกับ DIY.reuse iPhone case โดยใช้ Masking tape
อุปกรณ์ที่เราต้องมี คือ เคสเก่าที่ไม่ใช้แล้ว (ด้านหลังเคสเรียบจะดีมาก), Masking tape,คัตเตอร์,ยาทาเล็บแบบใส



DIY.Reuse iPhone case  photo 2 425x318

DIY.Reuse iPhone case  photo 1 425x341

ขั้นตอนแรก ลองเอา Masking tape มาเรียงกันเพื่อให้ดูลายที่ชอบ ก่อนจะลอกออกมาใช้ (iUrban เลือกใช้ Masking sticker set สีพาสเทล)

DIY.Reuse iPhone case  photo 3 425x318

DIY.Reuse iPhone case  photo 4 425x318

เมื่อได้ลายที่ชอบแล้วก็ทำการติดๆบนเคสเก่าๆ ติดเสร็จครบแล้วก็ใช้คัตเตอร์กรีดส่วนที่เกินออก แล้วใช้ยาทาเล็บสีใสทาตามขอบๆของ Masking tape ที่ตัดออก เพื่อกันการหลุดลอก เท่านี้ก็ได้เคสใหม่ น่ารักโดยไม่ต้องซื้อ

DIY.Reuse iPhone case  photo 11 425x318

DIY.Reuse iPhone case  photo 21 425x318

DIY.Reuse iPhone case  photo 31 326x375

CR.http://www.iurban.in.th/diy/diy-reuse-iphone-case/




Dani มักเน่คนใหม่ของ T-ara



คาด “ดานี่” (Dani) น้องใหม่ “T-ara” แจมวง ธ.ค. นี้!

               ล่าสุดทางต้นสังกัดของวง T-ara อย่าง Core Contents Media ได้ออกมาประกาศว่า “สมาชิกใหม่ของวงอย่าง ดานี่จะเข้าร่วมในวงในช่วงปลายปีนี้ตามกำหนดการเดิมที่ว่างไว้”  ซึ่งมีสื่อได้ออกมาคาดการณ์ว่าน่าจะมาร่วมวงเร็วกว่าเดิมตามข้อมูลจากเว็บไซต์ในญี่ปุ่นของ T-ara  แ ละยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นเนื่องจากมีกรณีฮวายองที่ลาออกจากวงเกิดขึ้น  
แต่อย่างไรก็ตาม ทางด้านเว็บไซต์ของ T-ara ในญี่ปุ่น ไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการมาร่วมวงของดานี่แต่อย่างใด มีเพียงแต่รายงานข่าวการลาออกจากวงของฮวายองและกล่าวคำแถลงว่า “T-ara จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาคืออารึมและฟอร์มทีมเป็น 7 คน  และจะมีเข้ามาเสริมอีกคนคือดานี่”  แต่ก็ไม่ได้บอกว่าดานี่จะมาร่วมวงเมื่อไหร่
ทางด้านต้นสังกัดกล่าวเพิ่มเติมว่า “T-ara จะรักษาระบบสมาชิก 7 คนเอาไว้ก่อน และดานี่จะมาร่วมวงหลังจากเดือนธันวาคมไปแล้วตามแผนที่ได้วางเอาไว้แต่ต้น”  ย้อนกลับไปทาง Core Contents Media ได้ออกมาประกาศเรื่องการเพิ่ม 2สมาชิกใหม่ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสมาชิกคนที่ 8 ของวงอย่าง อารึมมาร่วมวง T-ara ช่วงฤดูร้อนนี้ และได้มีส่วนร่วมโปรโมตผลงานชุด Day by Day กับสมาชิกเดิม


CR.http://www.popcornfor2.com 

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

SNSD ปล่อยเพลงใหม่ "Flower Power"

Girls' Generation (SNSD)

       ภายหลังจากที่ได้เปิดเผยเพลงออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและตัวอย่างสั้นๆ ออกมาก่อนหน้านี้ ล่าสุดมิวสิควีดีโอในเพลงภาษาญี่ปุ่นล่าสุด “Flower Power” ของเกิร์ลกรุ๊ป Girls’ Generation (SNSD) ก็ได้เปิดเผยออกมาให้แฟนๆ ได้รับชมแล้ว

อัลบั้มลิมิเต็ดอิดิชั่นประกอบไปด้วย 3 เพลง คือ “Flower Power”, “Beep Beep”, และ “Girls’ Generation II Smash-Up” อย่างไรก็ตาม การวางจำหน่ายได้ถูกเลื่อนออกไปจาก 14 พฤศจิกายน ไปเป็นวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้
อัลบั้มนี้ใช้ชื่อว่า ‘Girls’ Generation II ~Girls&Peace~’ จะผลิตออกมา 3 แบบ คือ First Press Limited Edition (/w DVD), Deluxe First Press Limited Edition (/w DVD), และ the Regular Edition
ติดตามชมมิวสิควีดีโอได้ที่ด้านล่างนี้!



Dance Ver.


CR.allkpop (http://www.allkpop.com)

ที่มาของช็อกโกแลต




ประวัติช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตถูกค้นพบมาตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว หลังสมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์
เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา
จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่า "อาหารแห่งทวยเทพ"


ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรมโบราณที่อยู่ในเม็กซิโกและอเมริกากลาง
ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายา และชาวแอซเทค แห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา
คนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิด
เพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน
นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย

ชาวมายา (ค.ศ. 250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่า
ได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝน
และปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง
และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไท แป้งข้าวโพด
ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง

ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรของชาวแอซเทค
ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองปัจจุบัน
เรียกว่า เม็กซิโก ซิตี้ ชาวแอซเทคได้ซื้อขายเมล็ดคาเคากับชาวมายาและชนชาติอื่น
และยังเรียกเก็บค่าบรรณาการจากพลเมืองของตนและเชลยเป็นเมล็ดคาเคา
โดยใช้แทนค่าเงิน ชาวแอซเทคนิยมดื่มช็อกโกแลตขมเช่นเดียวกับชาวมายายุคแรก
โดยปรุงรสชาติให้ซู่ซ่าขึ้นด้วยเครื่องเทศ
ชาวเมโสอเมริกาสมัยนั้นยังไม่มีใครปลูกอ้อยก็เลยไม่มีใครใส่น้ำตาลกัน

เล่ากันว่า คนมายายุคคลาสสิกชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ
ขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันมาก ส่วนชาวแอซเทค บรรดาผู้ปกครองระดับสูง
พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นที่มีสิทธิลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้
ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา
เพราะใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ

สำหรับที่มาของชื่อช็อกโกแลตนั้นยังไม่มีใครอธิบายได้แจ่มชัด
แต่มีความเป็นไปได้สองทาง ทางแรกเป็นคำที่ผันมาจากคำว่า "ช็อคโกลัจ" ในภาษามายา
ซึ่งหมายถึง มาดื่มช็อกโกแลตด้วยกัน อีกทางหนึ่งอธิบายว่าน่าจะมาจากภาษามายาเช่นกัน
คือ "chocol" แปลว่า ร้อน ผสมกับคำว่า "atl" ของแอซเทคที่แปลว่า น้ำ
พอมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า chocolatl และมาเป็น chocolate ต่อมาในยุโรป

โดยความเชื่อของชาวแอชเต็คส์ ประเทศเม็กซิโก
"เมล็ดโกโก้เป็นอาหารที่เทพเจ้ามอบให้เพื่อเป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์"
เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ซึ่งทำให้พวกเขานำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มนั่นก็คือ
"น้ำช็อกโกแลต" ต่อมานายเออร์นัน คอร์เตช
นักสำรวจชาวสเปนแล่นเรือมาพบกับชาวแอชเต็คส์
ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่กับชาวแอชเต็คส์และร่วมดื่มน้ำช็อกโกแลตด้วยกัน
และนายคอร์เตชได้นำเมล็ดโกโก้กลับประเทศเพื่อลองทำเครื่องดื่มดูบ้าง
และแต่งเติมรสให้หวานขึ้นจนเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันในสเปน
จนในที่สุด นายคอนราด เจ แวนฮูเตนท์ ชาวดัช
ได้ค้นพบการทำช็อกโกแลตแบบแท่ง เม็ด และผง


D.I.Y เสื้อยืดลายวินเทจ !


          สวัสดีค่ะ วันนี้มี D.I.Y เก๋ๆ เปลื่ยนเสื้อตัวเก่าให้เป็นใหม่ได้ ด้วยการใส่ลายน่ารักๆ วินเทจเข้าไปค่ะ 
วิธีทำก็ไม่ได้มีอะไรมาก ทำตามรูปได้เลยค่ะ

อุปกรณ์

1.เสื้อยืดตัวเก่า
2.ฟองน้ำ
3.สีย้อมผ้า
4.กรรไกร

CR.http://scissorsandthread.tumblr.com

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ต้นกำเนิดของ โดราเอมอน !


ต้นกำเนิดของโดราเอมอน
โดราเอมอนถูกผลิตขึ้นในโรงงานสร้างหุ่นยนต์ที่เมืองโตเกียว เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2112 (พ.ศ. 2655) แต่ในระหว่างการผลิตเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทำให้โดราเอมอนมีคุณสมบัติไม่เหมือนหุ่นยนต์แมวตัวอื่น ต้องเข้ารับการอบรมในห้องเรียนคลาสพิเศษของโรงเรียนหุ่นยนต์ (และได้พบกับเพื่อนๆ แก๊ง ขบวนการโดราเอมอน ที่นั่น) จนกระทั่งวันหนึ่ง ในงาน "โรบ็อต ออดิชัน" ซึ่งเป็นงานที่จัดให้มีการแสดงความสามารถของหุ่นยนต์ที่ได้ผ่านการอบรมแล้ว ด้วยความซุกซนของเซวาชิในวัยเด็ก เขาจึงได้กดปุ่มเลือกซื้อโดราเอมอนมาไว้ที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ โดราเอมอนจึงได้มาอยู่อาศัยที่บ้านของเซวาชิ ในฐานะของหุ่นยนต์เลี้ยงเด็ก แต่ในต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแตกต่างกัน คือ โดราเอมอนได้ถูกนำไปขายทอดตลาด เพราะเป็นสินค้าไม่ได้คุณภาพ จากนั้นพ่อแม่ของเซวาชิจึงมาซื้อโดราเอมอนไปไว้ที่บ้าน
แต่เดิมนั้นตัวโดราเอมอนมีสีเหลือง และมีหู แต่แล้วในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2122 ขณะที่โดราเอมอนหลับอยู่นั้น ใบหูก็โดนหนูแทะจนแหว่งไปทั้ง 2 ข้าง และไม่สามารถซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์แมว "โนราเมียโกะ" แฟนสาวของโดราเอมอนก็มาเยี่ยม แต่พอทราบว่าโดราเอมอนไม่มีหู เหลือแต่หัวกลม ๆ โนราเมียโกะถึงกับหัวเราะเป็นการใหญ่ ทำให้โดราเอมอนเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามทำใจด้วยการดื่มยาเสริมกำลังใจ แต่ว่าโดราเอมอนหยิบผิดกินยาโศกเศร้าแทน ทำให้โศกเศร้ากว่าเดิม และเริ่มร้องไห้ไม่หยุดอยู่ริมชายหาด3วัน3คืน จนสีลอกเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน หลังจากนั้นโดราเอมอนจึงเกลียดและกลัวหนูเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องความรัก
นอกจากนั้น โดราเอมอนยังมีน้องสาวชื่อโดรามี ที่จริงก็แค่ใช้เศษเหล็กแบบเดียวกันในการผลิต แต่โดเรมีใช้น้ำมันรุ่นใหม่ ขณะที่ผลิตโดราเอมอนอยู่ได้ทำชิปหล่นหายไป 1 ส่วน จึงทำให้หยิบของวิเศษผิดพลาดบ่อยๆ
ข้อมูลจำเพาะของโดราเอมอน
เป็นความตั้งใจของผู้วาดการ์ตูนที่ใช้ตัวเลข 3-9-12 กับตัวละครนี้ โดราเอมอนจึงมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเลขชุดนี้
มีน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม
ความสูง 129.3 เซนติเมตร (แต่เวลานั่ง จะเหลือ 100 เซนติเมตร)
กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร (เวลาเจอหนู)
มีพละกำลัง 129.3 แรงม้า
วัดรอบหัว รอบอก รอบเอวได้ 129.3 เซนติเมตร
วิ่งปกติในระยะ 50 เมตรใช้เวลา 15 วินาที แต่ถ้าเจอหนูจะวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วันที่ผลิตคือ ปีที่ 12 เดือน 9 วันที่ 3 (เรียงแบบปฏิทินญี่ปุ่น)

ส่วนประกอบในร่างกาย
เนื่อง จากเป็นหุ่นยนต์แมวที่ผลิตขึ้นในอนาคตคือคริสต์ศตวรรษที่ 22 ตามจินตนาการของผู้แต่ง ส่วนประกอบในร่างกายของโดราเอมอนจึงเต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
หัว
โดราเอมอนเป็นหุ่นยนต์ แมวที่มีการติดตั้งชิปคอมพิวเตอร์ในหัว ทำให้มีความรู้สึกนึกคิด สามารถพูดภาษามนุษย์ (ภาษาญี่ปุ่น) และพูดภาษาแมวได้ แต่ภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาญี่ปุ่น และภาษาสัตว์อื่นๆ จะฟังไม่รู้เรื่อง จึงต้องพึ่ง "วุ้นแปลภาษา" กับ "หูฟังภาษาสัตว์" แทน อีกทั้งยังสมองไม่ไวเท่าที่ควร เวลาคำนวณเลขยากๆ จึงต้องใช้กระดาษทด หรือเครื่องคิดเลขช่วย นอกจากนี้ หัวของโดราเอมอนยังแข็งราวกับหิน ซึ่งเขาถือว่าเป็นอาวุธลับขั้นสุดท้ายของตัวเอง โดยสามารถเอาหัวโขกจนประตูพังได้ และวิ่งกระโจนเอาหัวพุ่งใส่แทงค์แก๊ส จนแทงค์เป็นรูเสียหาย (แต่ตนเองก็หมดสติไปเลยเช่นกัน)
ใบหน้า
ใบหน้าของโดรา เอมอน มีลักษณะเป็นทรงกลม จมูกกลมสีแดง และมีหนวด 6 เส้น ดูคล้ายกับแมว แต่คนอื่นๆ มักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นทานูกิ หรือแรคคูน ซึ่งโดราเอมอนจะไม่พอใจทุกครั้งที่ถูกเรียกแบบนั้น
ตาตาแสงอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้แม้แต่ในที่มืด
จมูก
มีลักษณะเป็นลูก กลมๆ สีแดง เหมือนกับปลายหาง รับรู้กลิ่นได้ไวกว่ามนุษย์ 20 เท่า แต่ปัจจุบันชำรุด จึงสามารถดมกลิ่นได้เท่าจมูกคนเท่านั้น
หนวดมี 6 เส้น เป็นหนวดเรดาร์ สามารถจับวัตถุระยะไกลได้ แต่อยู่ระหว่างรอซ่อมแซม
ร่างกายผิวหนังเป็น โลหะผสมพิเศษต้านแรงดึงดูด ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถจับเกาะได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานสูง แม้อยู่ในอวกาศหรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหา โดนของเหลวคล้ายกรดสาดใส่ก็ไม่ละลาย แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเช่นกัน คือ แพ้อากาศร้อน และแพ้อากาศหนาว จนถึงขั้นเป็นหวัดได้ หากโดนไฟฟ้าช็อตก็จะเสียหาย
มือ
รูปร่างกลมสีขาวไม่มีนิ้วมือ จึงไม่สามารถเล่นพันด้าย และเป่ายิ้งฉุบได้ เล่นบาร์โหนก็ไม่ถนัด แต่สามารถดูดจับสิ่งของได้ทุกอย่าง
ปากปากขนาดกว้าง สามารถรับประทานได้ทุกอย่าง โดยจะเปลี่ยนเป็นพลังงานปรมาณู ภายในปากจะมีฟันที่เรียกว่า "ฟู้ดคัตเตอร์" ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะเวลาที่โดราเอมอนโกรธจนต้องยิงฟันเท่านั้น แต่ในตอนพิเศษ "ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006" โดราเอมอนกลับถูกวาดให้มองเห็นซี่ฟันอย่างชัดเจน
กระพรวนไว้ห้อยคอ มีสีเหลือง ส่วนสายคาดมีสีแดง เมื่อสั่นกระพรวนจะสามารถเรียกแมวที่อยู่ใกล้เคียงมาชุมนุมกันได้ โดยจะปล่อยคลื่นเสียงพิเศษ แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้ ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เพื่อใช้งานเป็นกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กแทน
กระเป๋าหน้าท้อง
เป็น กระเป๋าสี่มิติ ไว้สำหรับเก็บของวิเศษ พื้นที่เก็บของไม่มีจำกัด สามารถถอดไปทำความสะอาดได้ โดยระหว่างนั้นจะนำกระเป๋าสี่มิติใบสำรอง หรือที่มักเรียกว่า "กระเป๋าสำรอง" มาใช้แทน ซึ่งกระเป๋าทั้งสองจะมีมิติเชื่อมต่อกัน ของที่เอาใส่ในกระเป๋าใบหนึ่ง จะสามารถนำออกมาจากกระเป๋าอีกใบหนึ่งได้
เท้า
ลักษณะแบนเรียบ สีขาว มีพลังต้านแรงดึงดูด ส่งผลให้เท้าอยู่ลอยจากพื้น 3 มิลลิเมตร เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าเพราะไม่มีฝุ่นผงติดเท้า เดิมทีเท้าของโดราเอมอนจะเป็นแบบที่สามารถเดินได้โดยไม่มีเสียงเหมือนกับแมว ย่อง แต่ปัจจุบันชำรุดไปแล้ว ทำให้เวลาเดินจึงมีเสียงจากแรงเสียดสีกับอากาศ สำหรับเวลาขี่จักรยานต้องใช้ปากจับแฮนด์ และใช้มือถีบที่ปั่นจักรยานแทน เนื่องจากขาหยั่งไม่ถึง
หาง
เป็นสวิตช์ปิด-เปิด ถ้าถูกดึง ทุกอย่างจะหยุดทำงาน โดราเอมอนสามารถดึงหางเพื่อปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ไม่สามารถดึงเพื่อเปิดเองได้

Cr.http://campus.sanook.com